ภาพรวมการถ่ายทอดเทคโนโลยี

เรียนรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา

*หมายเหตุ : ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในคู่มือ Click

#gallery-1 {
margin: auto;
}
#gallery-1 .gallery-item {
float: left;
margin-top: 10px;
text-align: center;
width: 100%;
}
#gallery-1 img {
border: 2px solid #cfcfcf;
}
#gallery-1 .gallery-caption {
margin-left: 0;
}
/* see gallery_shortcode() in wp-includes/media.php */



           โดยปกติทั่วไปการขออนุญาตใช้สิทธิหรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีในทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จะผ่านกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิหรือสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี (แล้วแต่กรณี)

การอนุญาตให้ใช้สิทธิมีทั้งแบบ Exclusive และ Non-Exclusive โดยผู้ขอรับเทคโนโลยีอาจจะมีทั้ง

  • นักวิจัย ขอรับเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยที่ตนเองเป็นผู้วิจัย
  • นักศึกษาของมหาวิทยาลัย วางแผนประกอบธุรกิจหลังจากสำเร็จการศึกษา
  • ผู้ประกอบการที่เริ่มธุรกิจใหม่
  • ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว
  • ผู้สนใจ บุคคลทั่วไป ที่ประสงค์จะนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์

            ส่วนค่าตอบแทนในการอนุญาตให้ใช้สิทธิขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย  เช่น  การประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา  ความพร้อมของผู้ขอรับเทคโนโลยี   เป็นต้น   โดยมหาวิทยาลัยมีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากกว่าจำนวนเงินค่าตอบแทนที่มหาวิทยาลัยจะได้รับ และประสงค์ให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและขอใช้เทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยได้อย่างแพร่หลายมากกว่าการผูกขาดแต่เพียงรายเดียว เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยมุ่งเน้นการอนุญาตให้ใช้สิทธิแบบ Non-Exclusive มากกว่าแบบ Exclusive

คำถามที่พบบ่อย

1. การค้นพบเป็นสิ่งประดิษฐ์หรือไม่ ?

ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 9 การประดิษฐ์ดังต่อไปนี้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ

(1) จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีอยู่ตามธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสารสกัดจากสัตว์หรือพืช

เพราะฉะนั้น การค้นพบไม่นับเป็นสิ่งประดิษฐ์

2. นักวิจัยจะทราบได้อย่างไรว่าผลงานชิ้นนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์หรือไม่ และควรจะเปิดเผยเทคโนโลยีหรือไม่ ?

ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 5 การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ต้องประกอบด้วยลักษณะ ดังต่อนี้

  • เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่
  • เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงขึ้น
  • เป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกต์ในทางอุตสาหกรรม

หากท่านไม่แน่ใจว่าผลงานของท่านมีคุณสมบัติทั้ง 3 ประการตามนี้หรือไม่ ท่านสามารถติดต่อ TLO เพื่อหารือในช่องทางที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลสาระสำคัญต่อสาธารณะก่อนขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียการเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่

3. ในกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทำไมจึงต้องมีนักวิจัยร่วมด้วย ?

เพราะนักวิจัยเป็นผู้ทราบข้อมูลในเชิงเทคนิคและข้อมูลเชิงลึกของงานวิจัยนั้นๆ ดีที่สุด รวมถึงในกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยี อาจจะมีการทำผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype) หรือการพิสูจน์เทคโนโลยี (Proof of technology) ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากนักวิจัย และประการสำคัญที่สุดนักวิจัยคือผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยให้กับผู้รับเทคโนโลยี

4. หากทรัพย์สินทางปัญญาได้รับการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ นักวิจัยจะได้รับอะไรบ้าง ?

ตามประกาศมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เรื่อง ประกาศมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เรื่อง แนวปฏิบัติและการจัดสรรผลประโยชน์เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ผู้สร้างสรรค์งานหรือนักวิจัยได้รับ 80% ของรายได้สุทธิ

5. TLO คาดหวังอะไรจากนักวิจัย และนักวิจัยจะช่วยเหลืออะไร TLO ได้บ้าง ?

การให้ความร่วมมือและการทำงานร่วมกันระหว่าง TLO และนักวิจัย มีความสำคัญต่อความสำเร็จของกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลยีเป็นอย่างยิ่ง นักวิจัยสามารถให้ความร่วมมือกับ TLO ดังนี้

  • ติดต่อ TLO เมื่อนักวิจัยเชื่อว่ามีข้อสังเกตทางวิทยาศาสตร์หรือทางเทคนิคที่มีมูลค่าทางการค้าหรือการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
  • ยกร่างและยื่นคำขอรับการคุ้มครองสิทธิบัตรให้ TLO จากนั้น TLO จะยื่นคำขอของท่านไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อได้เลขคำขอรับการคุ้มครองสิทธิบัตรแล้ว ท่านจึงเผยแพร่เทคโนโลยี

เมื่อมีผู้สนใจเทคโนโลยี นักวิจัยกรุณาติดต่อ TLO เพื่อ TLO จะได้ดำเนินการตามกระบวนการถ่ายทอดเทคโนโลย มีการทำสัญญาต่าง ๆ ที่จะป้องกันการนำเทคโนโลยีไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต